วิธีการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับคุณโดยแพทย์ผิวหนัง

เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ก็มีตัวเลือกมากมาย เช่น โทนเนอร์ มาส์ก หรือเอสเซนส์ ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ที่ทุกคน”ต้องใช้” (ไม่ต้องคิดว่าว่าจะใช้หรือไม่ เพราะจำเป็นต้องใช้)ก็คือครีมกันแดดนั่นเอง
รู้หรือไม่ชาวอเมริกันมากกว่า 60% ใช้ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันในการดูแลผิว ในขณะที่เพียง 11% เท่านั้นที่ทาครีมกันแดดทุกวันตามรายงาน RealSelf Sun Safety Report ในปี 2020 ยิ่งไปกว่านั้น เกือบ 50% รายงานว่าพวกเขาไม่เคยใช้ครีมกันแดด ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นมะเร็งผิวหนังกันเยอะขนาดนั้น
ทำไมต้องทาครีมกันแดด?
คำตอบง่ายๆซึ่งทุกคนก็คงทราบอยู่แล้ว ก็คือเพราะว่าการใช้ครีมกันแดดเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตราย
Dr. Katie Beleznay แพทย์ผิวหนังและอาจารย์หมอจาก University of British Columbia กล่าวว่า “รังสียูวีจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวและสามารถนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้ ประมาณ 90% ของมะเร็งผิวหนังประเภท nonmelanoma และ ส่วนใหญ่ของมะเร็งผิวหนังประเภท melanoma เป็นผลมาจากการได้รับรังสียูวี"
นอกจากความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังแล้ว การได้รับรังสี UV ยังส่งผลต่อริ้วรอยก่อนวัยของผิว เช่น ริ้วรอย จุดด่าง และจุดคล้ำ อันที่จริงประมาณว่า 80% ของริ้วรอยผิวที่มองเห็นได้นั้นเกิดจากการได้รับรังสียูวี ดังนั้น การปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยจากแสงแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพผิวของคุณ "ซึ่งรวมถึงการจำกัดแสงแดด สวมหมวกและแว่นกันแดดให้ดีที่สุด และแน่นอนว่าต้องใช้ครีมกันแดด” ดร.เบเลซเนย์กล่าว
“นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องปกป้องผิวของคุณตลอดทั้งปี ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เพราะแม้ในวันที่มีเมฆมาก รังสียูวีจากดวงอาทิตย์ถึง 80% ก็สามารถเข้าถึงผิวของคุณได้” ดร.เบเลซเนย์กล่าว
ดร.มาริสา การ์ชิก นิว แพทย์ผิวหนังคลินิกโรคผิวหนังที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์กล่าวว่า จำเป็นต้องทาครีมกันแดดแม้ในขณะที่คุณอยู่ในบ้าน เพราะรังสี UVA ที่ทำร้ายผิวมากถึง 75% สามารถทะลุผ่านกระจกหน้าต่างได้ แม้ว่าหน้าต่างส่วนใหญ่จะสามารถป้องกัน UVB ได้
สรุปแล้วการใช้ครีมกันแดดเป็นขั้นตอนของการดูแลผิวที่สำคัญอย่างมาก
เพื่อให้เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดง่ายขึ้น นี่คือเคล็ดลับสำคัญ 6 ข้อที่แพทย์ผิวหนังต้องการให้คุณจำไว้เสมอเมื่อซื้อครีมกันแดด:
มองหา SPF 30 หรือสูงกว่า: American Academy of Dermatology (AAD) แนะนำให้ซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 หรือสูงกว่า
เลือกครีมกันแดดที่ป้องกันแบบ broad spectrum หรือระบุว่าให้ความปกป้องทั้ง UVA และ UVB เนื่องจากเราทราบดีว่าทั้งสองอย่างสามารถนำไปสู่การแก่ของผิวหนังและมะเร็งผิวหนังได้
ดูว่าครีมกันแดดกันน้ำได้หรือไม่: Dr. Beleznay แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดแบบกันน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังจะไปว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออก ตามคำแนะนำของ AAD การกันน้ำโดยทั่วไปจะอยู่ได้ 40 หรือ 80 นาทีหลังจากนั้นควรทาครีมกันแดดซ้ำ
หากคุณมีผิวแห้งถึงผิวธรรมดา: "ผู้ที่มีผิวแห้งอาจต้องการเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่น เช่น กรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีน" ดร.เบเลซเนย์ กล่าว "ถ้าคุณมีผิวธรรมดา คุณอาจใช้ครีมกันแดดอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล”
หากคุณมีผิวมันหรือผิวผสม: "ผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสมควรมองหาครีมกันแดดที่มีข้อความว่าปราศจากน้ำมันหรือสารก่อมะเร็งซึ่งบ่งบอกว่าจะไม่อุดตันรูขุมขนหรือทำให้สิวแย่ลง" Dr. Garshick กล่าวว่า "โดยปกติแล้ว ผู้ที่มีผิวมันอาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีน้ำหนักเบาและดูดซับได้อย่างรวดเร็วและไม่ทำให้ผิวมันวาว”
หากคุณมีผิวแพ้ง่าย: สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย Dr. Garshick แนะนำให้เลือกครีมกันแดดทางกายภาพ (Physical Sunscreen) ที่ใช้ส่วนผสมจำพวก ซิงค์ออกไซด์หรือไททาเนียมไดออกไซด์เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะระคายเคืองน้อยกว่ารวมถึงควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมหรือสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่อาจระคายเคืองต่อผิวหนัง
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล ดร. เบเลซเนย์ กล่าว "ในที่สุด ครีมกันแดดที่ดีที่สุดคือครีมกันแดดที่คุณจะใช้จริง ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาครีมกันแดดที่คุณชอบและจะใช้มัน"
บทความแปลและปรับปรุงจาก Reference: How To Choose The Right Sunscreen For You, According To Dermatologists by Noma Nazish (ForbesLife, FORBES.COM)